วันอาทิตย์ที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2555

ธุรกิจเว็บไซต์

ทำธุรกิจเว็บไซต์ : เริ่ม ต้น ธุรกิจ ออนไลน์ article
                                                              
ในการนำเว็บไซต์มาสร้างธุรกิจนั้น ถ้าจะให้ดีคุณต้องมีความรู้และความเข้าใจ รู้ว่าเว็บไซต์จะให้ประโยชน์อะไรบ้างต่อธุรกิจหรือกิจการของคุณเอง และต้องรู้ด้วยว่า เมื่อมีเว็บไซต์แล้วต้องเรียนรู้อะไรบ้าง? ต้องบริหารและจัดการเรื่องอะไรบ้าง? สิ่งเหล่านี้คุณต้องทำการบ้านให้หนักในระยะเริ่มแรก แนะนำให้ใช้หลักปรัชญาชั้นยอดของในหลวง 3 ข้อ ดังนี้
1. เข้าใจ
2. เข้าถึง
3. พัฒนา
ให้นำหลักทั้ง 3 ข้อนี้มาเป็นไกด์ไลน์หรือเข็มทิศในการดำเนินการในแต่ละจุด
ประโยชน์ของเว็บไซต์มีมากมายหลายอย่าง โดยเฉพาะเกี่ยวกับธุรกิจการค้าขาย
ประโยชน์ของเว็บไซต์ในที่นี้จะกล่าวถึงเฉพาะในแวดวงธุรกิจเท่านั้น ว่าเว็บไซต์ให้ประโยชน์กับธุรกิจอย่างไร
เว็บไซต์ สามารถประยุกต์เข้ากับธุรกิจได้อย่างลงตัว  และสามารถสร้างมูลค่ารายได้อย่างมหาศาลในสินค้าบางชนิด และการค้าทุกประเภททุกแขนงในอนาคตอันใกล้นี้ จะเข้าสู่ระบบเว็บไซต์ออนไลน์

1 ) ใช้เว็บไซต์เป็นช่องทางการขายที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในปัจจุบัน เนื่องจากข้อได้เปรียบของเว็บไซต์ที่ออนไลน์อยู่ตลอดเวลา 24 ชั่วโมงใน 365 วันโดยไม่มีวันหยุด และประการสำคัญทุกคนในโลกนี้สามารถเข้าถึงได้ตลอดเวลา เพียงแต่จะทำอย่างไรจึงจะให้คนจากทุกมุมโลกเข้าถึงได้ และเว็บไซต์ดังกล่าวควรเป็นเว็บไซต์มาตรฐาน ( ไม่ใช่เว็บไซต์แจกฟรีทั่วไป ซึ่งไม่แน่นอนจะถูกปิดเมื่อใดก็ได้ )
2 ) ใช้เว็บไซต์เป็นเครื่องมือประชาสัมพันธ์ธุรกิจให้คนทั่วไปได้รู้จักมากขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถใช้เว็บไซต์สร้างแบรนด์ได้เช่นกัน คนจากทั่วโลกสามารถเข้าถึงเว็บไซต์และรู้จักสินค้าของท่านมากขึ้น ซึ่งนับวันความสำคัญของเว็บไซต์ต่อธุรกิจในยุคโลกาภิวัฒน์จะเพิ่มมากขึ้น เรื่อยๆ เป็นลำดับ ธุรกิจใดไม่มีเว็บไซต์ก็จะเป็นธุรกิจที่ล้าหลัง ตกยุคไปสุดท้ายก็ต้องยุติลง
ใครที่ควรมีเว็บไซต์ ?? ก็ ต้องบอกว่า ผู้ที่ทำการค้าทั้งหมดนั่นแหละสมควรมี ไม่ว่าคุณจะค้าขายอะไร ประเภทสากกระเบือ ยันเรือรบ นำมาขายทางออนไลน์ได้หมด ท่านอาจจะไม่คาดคิดว่า สิ่งที่ไม่น่าจะขายได้ แต่สามารถขายได้ทางออนไลน์
การมีเว็บไซต์ในทุกวันนี้ไม่จำเป็นต้องมี ทุนมากมายอย่างแต่ก่อน มีทุนหลักพันก็สามารถทำได้ และไม่จำเป็นต้องเขียนโปรแกรมได้ เพียงคุณมีพื้นฐานทางคอมพิวเตอร์เล็กน้อยก็สามารถทำได้แล้ว คุณสามารถเป็นเจ้าของธุรกิจร้านค้าออนไลน์ หรือเถ้าแก่ออนไลน์แบบง่ายๆ แต่ต้องมีหลักการและเรียนรู้ระบบพอสมควร ร้านค้าออนไลน์ส่วนบุคคลหรือคนเดียวทำเองมีมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ในขณะเดียวกันก็ล่มสลายเลิกร้างไปทุกวันเหมือนกัน เหตุเพราะขาดความรู้ความเข้าใจ คิดอยากจะทำก็ทำ เห็นเขาทำแล้วขายได้ดี แต่หารู้ไม่ว่ากว่าเขาจะขายดีได้ เขาต้องผ่านการเรียนรู้ฝึกอบรมมาสารพัดล้มลุกคลุกคลาน ต่อสู้กับปัญหาอุปสรรคมากมาย แต่สมัยนี้การทำร้านค้าออนไลน์ง่ายขึ้น สามารถลดความเสี่ยงต่อการเจ๊งได้ เพราะมีที่ปรึกษาหรือพี่เลี้ยงมากมายคอยแนะนำ แต่ส่วนมากคนไทยเราไม่นิยมใช้ ฉายเดี่ยวคนเดียว ผลออกมาก็คือ ล้มเหลวเป็นส่วนใหญ่ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ซึ่งขณะนี้ก็มีให้เห็นทุกวัน เปิดเว็บไซต์ได้ระยะหนึ่ง ขายไม่ได้แล้วก็ถอดใจออกไปจากระบบ ไหนๆก็ลงทุนแล้ว ทำไมไม่เลือกการลดความเสี่ยงในเมื่อมีทางให้เลือก???
การจะทำอะไรหรือสร้าง ธุรกิจอะไรขึ้นมาสักอย่าง จำเป็นอย่างยิ่งมากๆที่จะต้องมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องที่จะทำนั้น ยิ่งเป็นธุรกิจการค้า พื้นฐานก็ควรมีความรู้เกี่ยวกับการทำมาค้าขายบ้าง หรือถ้าไม่มีพื้นฐานมาก่อนก็จำเป็นที่จะต้องไปเรียนรู้จากผู้ที่รู้หรือผู้ เชี่ยวชาญโดยเฉพาะ  การทำการค้าบนดินก็ยากพอสมควรอยู่แล้ว  นี่ต้องไปทำการค้าบนโลกออนไลน์ ซึ่งจะยากเป็นหลายเท่าตัว ซึ่งบางท่านอาจจะคิดเช่นนี้  แต่ในความเป็นจริงแล้ว คำตอบคือใช่  แต่ยากหรือง่ายไม่ใช่ประเด็นสำคัญ ทุกๆอย่างสามารถเรียนรู้ได้จากผู้รู้หรือผู้เชี่ยวชาญมีประสบการณ์มาก่อน  รู้เขา รู้เรา  รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง คำพูดนี้ยังเป็นสัจธรรมเสมอ  องค์ประกอบที่สำคัญที่สุดอันดับแรกๆที่จำเป็นต่อการสร้างธุรกิจออนไลน์หรือ อีคอมเมิร์ชก็คือองค์ความรู้นั่นเอง  หลายชีวิตที่ต้องยุติลงในการสร้างธุรกิจออนไลน์  สาเหตุส่วนใหญ่มาจากไม่มีความรู้ก่อนการทำธุรกิจนี้  ซึ่งจะไปคิดว่าธุรกิจออนไลน์ก็เหมือนกาค้าขายบนดินทั่วๆไปนี่เอง  ถ้าคิดเช่นนี้ก็ถือว่าคิดผิดถนัดทีเดียว  ธุรกิจออนไลน์ถือเป็นธุรกิจพันธุ์ใหม่ที่เกิดขึ้นพร้อมกับความก้าวหน้าทางเท คโนโลยี่ที่มนุษย์สรรค์สร้างขึ้นมา และการค้าในอนาคตก็จะเข้าสู่ระบบนี้แทบทั้งหมด  ดังนั้นผู้ที่คิดจะสร้างธุรกิจออนไลน์จึงควรมีความรู้พื้นฐานและความรู้ที่ เกี่ยวข้องรอบข้าง ชนิดรอบและรู้รอบในธุรกิจออนไลน์ก็ว่าได้  ซึ่งไม่ได้ยากเย็นหรือสลับซับซ้อนอะไร เรียนรู้วันเดียวได้สบาย  ถ้าเรามีความรู้ดีพอแล้วไม่ต้องกลัวว่าจะตกม้าตาย หรือมีความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจ
     ที่นี่เราพร้อมที่จะช่วยท่าน  สอนความรู้พื้นฐานจนถึงขั้นสูง  กลยุทธ เทคนิคต่างๆรอบด้าน  ซึ่งยังไม่มีที่ใดทำกัน บริการสอนถึงที่หรือที่สำนักงานของเรา โดยเน้นสอนภาคปฏิบัติจริง เรียนรู้ไปพร้อมของจริง การปฏิบัติจากของจริงทั้งหมด  เราจะช่วยให้คำแนะนำและคำปรึกษาในทุกๆเรื่องที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจออนไลน์ จนกว่าท่านจะแกร่ง เชี่ยวชาญ ยืนอยู่บนขาของตัวเองได้

ท่านรู้หรือไม่ว่าการทำ E-commerce ต้องเริ่มต้นอย่างไร?
 ก่อนอื่นต้องรู้หรือมีข้อมูลของการทำ E-commerce คร่าวๆก่อน ว่ามันคือ อะไร  ทำอย่างไร เริ่มต้นอย่างไร  แต่สรุปแบบคร่าวๆมีดังนี้.-
  1 ) เริ่มต้นด้วยการคัดเลือกโดเมน ซึ่งส่วนมากจะตั้งโดเมนแบบตามใจข้าพเจ้า  ซึ่งจริงๆแล้วไม่ใช่  การตั้งโดเมนมีหลักเกณฑ์ของมัน  ไม่ใช่ใครจะตั้งก็ตั้ง  ตั้งโดเมนไม่เข้าท่าถึงขั้นล้มเหลวไปก็มาก ซึ่งผลที่ออกมาก็เลิกร้างไป  เพราะได้โดเมนไม่เหมาะสม  ถ้าไม่รู้จริงๆขอแนะนำให้ปรึกษากับผู้รู้จะดีกว่า ใครก็ได้ที่มีความรู้ในเรื่องของโดเมน
  2 ) วางแผนสร้างเว็บไซต์  ซึ่งถ้าไม่มีความรู้ในเรื่องการเขียนโปรแกรม ขอแนะนำให้ใช้เว็บไซต์สำเร็จรูปหรือเว็บไซต์ระบบอัตโนมัติ  แต่การเลือกใช้บริการแต่ละเจ้าก็ต้องดูรายละเอียดและหาข้อมูลให้ชัดเจน  ในที่นี้เราขอแนะนำให้ใช้เว็บไซต์สำเร็จรูป  ทั้งนี้เพื่อท่านจะได้บริหารได้เองเต็ม 100% ควบคุมดูแลทุกอย่างไม่ต้องอาศัยใครหายใจแทน พึ่งตนเองดีที่สุด แต่ต้องดูประสิทธิภาพของแต่ละรายด้วยนะท่าน
  3 ) โฆษณาเว็บไซต์ที่สร้างขึ้นมา  เช่น การเพิ่มเว็บไซต์ในเว็บไซต์ดังๆหลายที่  การทำ Search Engine ซึ่งในปัจจุบันถือว่าเป็นหัวใจหลักๆของ E-commerce การโฆษณาตามเว็บไซต์ต่างๆ และการโฆษณาแบบออฟไลน์
  3 ) การพัฒนาเว็บไซต์หรือการอัพเดท  เว็บไซต์ต้องมีการอัพเดทอย่างสม่ำเสมอ  เว็บไซต์ไม่มีการที่จะสร้างเสร็จแล้วเก็บไว้  ต้องมีการเคลื่อนไหวหรืออัพเดทอย่างต่อเนื่อง จึงจะเป็นเว็บไซต์ที่ดี   ทั้งหมดที่กล่าวมาเป็นแบบคร่าวๆเริ่มต้นเท่านั้น  และในความเป็นจริงแล้วท่านต้องจ่ายแบบต่อเนื่องแทบทุกขั้นตอน  แต่ของเราจ่ายครั้งเดียวจบครับ  ไม่ต้องเสียเวลาหาผู้เชี่ยวชาญในแต่ละด้านจากที่ต่างๆให้วุ่นวายใจ
             กลยุทธ์ทางการตลาดแบบออนไลน์หรือการทำ E-commerce
  1 ) ต้องรู้และวิเคราะห์กลุ่มลูกค้าเป้าหมายออก
 2 )  มีจุดเด่นในสินค้าของตัวเองหรือการบริการ
 3 ) การทำตลาด เช่น ทำตลาดเฉพาะในประเทศ หรือ ทำตลาดต่างประเทศ หรือทำทั้งสองอย่างรวมกัน ซึ่งต้องวิเคราะห์ให้ออกในจุดนี้
 4 ) มีเป้าหมายหรือ Focus ที่แน่นอน
      และอีกหลายอย่างมากมาย  ซึ่งไม่สามารถนำมาถ่ายทอดได้ทั้งหมด ณ ที่นี้ได้
      ที่นี่จะให้บริการ ครอบคลุมข้อมูลเหล่านี้ทั้งหมด  ซึ่งในประเทศไทยมีบริการเช่นนี้ที่นี่ที่เดียวเท่านั้น  ส่วนมากจะให้บริการอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น  ทั้งนี้เพราะขบวนการต่างๆค่อนข้างมากประเภทสอนวันเดียวไม่หมด   ต้องต่อเนื่องเรื่อยๆ  ซึ่งไม่มีใครทำกัน เพราะจะไปแย่งเวลาการทำธุรกิจอย่างอื่น  แต่เราทำได้และเชี่ยวชาญเรื่องเหล่านี้จากประสบการณ์โดยตรง 
    การทำ E-commerce ทำได้ไม่ยาก  แต่ก็ไม่ง่ายเช่นกัน  ทั้งนี้ต้องอาศัยความรู้ความเข้าใจ ข้อมูลรอบด้าน  แต่ก็ง่ายมากกว่าการเปิดร้านขายก๋วยเตี๋ยว   ทุกท่านที่มีความตั้งใจอย่า เพิ่งถอดใจก่อน  จากประสบการณ์มากว่า 6 ปีเต็มในธุรกิจนี้ เราจะถ่ายทอดให้ท่านและช่วยเหลือเติมเต็มในสิ่งที่ท่านยังไม่มีให้ครบ
  หมายเหตุ  :   ลูกค้าที่อยู่ในต่างจังหวัด  ถ้าต้องการให้เราไปช่วยเหลือท่านถึงที่ตัวต่อตัว  ท่านต้องออกค่าใช้จ่ายต่างๆเองทั้งหมด  แต่ทางที่ดีและประหยัด ท่านสามารถติดต่อทางโทรศัพท์กับเราได้ตลอดเวลา  มีปัญหาปรึกษาได้ทันทีเหมือนที่ปรึกษาส่วนตัวของท่าน  ซึ่งจะอำนวยความสะดวกให้ท่านสูงมาก ยืดหยุ่นได้ตลอดเวลา   นี่คือบริการที่ธรรมดา แต่ไม่ธรรมดาจากเราที่จะมอบให้ท่าน 
ตัวอย่างเว็บไซต์การทำ E-commerce ที่เราบริหารและให้บริการที่ประสบผลสำเร็จสูงอย่างต่อเนื่อง โปรโมทเว็บด้วย Search Engine 100%
   1. 
Coffeemade.com ( ของลูกค้าแฟรนไชส์กาแฟสด ผู้ให้บริการเปิดร้านกาแฟต้นทุนต่ำ ได้ลูกค้าจากเว็บไซต์ 100% และเป็นการโปรโมทเว็บไซต์จาก Search Engine 100% )
   2.  RF-Foam.com     ( ลูกค้ารายนี้ทำธุรกิจบริการพ่นฉนวนกันความร้อน ฉนวนกันเสียง ลูกค้ามาจากเว็บไซต์ 100% และเป็นการโปรโมทเว็บไซต์จาก Search Engine 100% )
   3.  Kasamashop.com   ( เป็นเว็บไซต์ของเราเอง โปรโมทเว็บไซต์จาก Search Engine 100% )
   4.  Bangkokshow.com    ( เป็นเว็บไซต์ของเราเอง โปรโมทเว็บไซต์จาก Search Engine 100% )
   5.  9Thai9.com        ( เป็นเว็บไซต์ของเราเอง โปรโมทเว็บไซต์จาก Search Engine 100% )
   6.  Crintermex.com    ( เว็บไซต์ของลูกค้าของเรา )
   7.  Supremeprint.net      ( เว็บไซต์ของลูกค้าของเรา )
                              และอีกหลายเว็บไซต์
 What is Search  Engine?
คุณรู้ถึงอานุภาพของ Search Engine หรือไม่? ทำไมต้อง Search Engine ?
ถ้าคุณใช้อินเตอร์เนตอยู่เป็นประจำและเข้าค้นหาข้อมูลที่เว็บไซต์ Google.co.th เป็น ประจำ แล้วคุณจะเข้าใจดีและถึงบางอ้อทันที เหตุเพราะในเสิร์ชเอนจิ้นของกูเกิ้ลหาได้ทุกอย่าง สากกระเบือยันเรือรบ รวมถึงค้นหาบุคคลได้อย่างแม่นยำ
   ถ้าจะว่าไปแล้ว Search Engine ก็คือขุมทรัพย์มหาศาลนี่เอง เพียงแต่ใครจะมองเห็นและมองออก และเข้าถึงขุมทรัพย์นี้ได้อย่างตรงจุด คุณอย่าเพียงแค่เรียนรู้เท่านั้น จงนำมันไปสร้างความร่ำรวยให้ตัวคุณเองได้จริง
อาจมีหลายๆท่านที่เพิ่งเข้า มาในระบบออนไลน์ หรือเพิ่งทำการค้าขายในระบบออนไลน์ เลยยังไม่เข้าใจว่าเสิร์ชเอนจิ้นคืออะไรกันแน่ ช่วยตอบให้เข้าใจหน่อย
    เสิร์ชเอนจิน (search engine) คือเครื่องมือค้นหาข้อมูลหรือโปรแกรมค้นหาข้อมูล เป็นโปรแกรมที่ช่วยในการสืบค้นหาข้อมูลต่างๆในโลกออนไลน์อินเทอร์เน็ต โดยครอบคลุมทั้งข้อความ รูปภาพ ภาพเคลื่อนไหว เพลง ซอฟต์แวร์ แผนที่ ข้อมูลบุคคล กลุ่มข่าว และอื่น ๆ ซึ่งแตกต่างกันไปแล้วแต่โปรแกรมหรือผู้ให้บริการแต่ละรายออกแบบไว้ให้ค้นหา เสิร์ชเอนจิ้นส่วนใหญ่จะค้นหาข้อมูลจากคำสำคัญหรือคีย์เวิร์ด( Key word ) ที่ผู้ใช้ป้อนเข้าไปในเว็บไซต์ค้นหา จากนั้นเว็บไซต์ค้าหาก็จะแสดงรายการผลลัพธ์ที่มันคิดว่าผู้ใช้น่าจะต้องการ ขึ้นมา ในปัจจุบัน เสิร์ชเอนจิ้นบางตัว เช่น กูเกิล จะบันทึกประวัติการค้นหาและการเลือกผลลัพธ์ของผู้ใช้ไว้ด้วย และจะนำประวัติที่บันทึกไว้นั้น มาช่วยกรองผลลัพธ์ในการค้นหาครั้งต่อ ๆ ไปละเอียดมากขึ้น อานุภาพของเสิร์ชเอนจิ้นมีมากกว่าที่คิด
      กูเกิล เสิร์ช (Google Search) เป็นเสิร์ชเอนจิ้นจากเว็บไซต์ค้นหากูเกิล และเป็นเสิร์ชเอนจิ้นที่มีคนใช้งานมากที่สุดในโลก ผู้คนนิยมมากที่สุดในโลก โดยมีการค้นหามากกว่า หนึ่งร้อยล้านครั้งต่อวัน โดยมีผู้ใช้งานกว่า 1.643 พันล้านคนต่อปี จากผลการสำรวจในปี 2551 และมากขึ้นเรื่อยๆ ทั่วโลกในทุกๆประเทศจะนิยมเข้ามาค้นหาข้อมูลต่างๆในเว็บไซต์ของกูเกิ้ล ทั้งข้อมูลสินค้าและบริการต่างๆ นี่คือแหล่งข้อมูลมหาศาลหรือตลาดข้อมูล ตลาดออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดของโลก ที่มีผู้คนเข้าออกตลอดเวลาโดยไม่มีวันหยุด เป็นตลาดไร้พรมแดนกั้น ทุกคนสามารถเข้าถึงได้โดยเสรีจากทุกที่ทุกแห่งที่มีการเชื่อมต่ออินเตอร์เนต ทั้งคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลและมือถือทั่วไป ซึ่งสามารถทำให้ผู้ซื้อและผู้ขายสินค้ามาพบกันได้ ณ ที่แห่งนี้

    คุณรู้จัดเสิร์ชเอนจิ้นดีพอหรือยัง?
    เสิร์ชเอนจิ้นให้อะไรมากกว่าที่คิด สามารถสร้างให้คุณร่ำรวยได้ในเวลาเพียงไม่กี่ปี ถ้าคุณทำให้เป็นและทำให้ถึง
     สร้างแบรนด์และทำเงินบนโลกออนไลน์ด้วยเครื่องมือ เสิร์ชเอนจิ้น ไม่ต้องเสียเงินแม้แต่บาทเดียว ถ้าคุณทำเป็นและทำถึง

การ ทำธุรกิจอีคอมเมิร์ซจำเป็นอย่างมากที่จะต้องมีจรรยาบรรณ โดยเฉพาะผู้ซื้อคือลูกค้าไม่เห็นตัวผู้ขาย ต้องซื่อสัตย์ไม่หลอกลวงลูกค้า ไม่มีเล่ห์เหลี่ยมสร้างความเสียหายให้กับผู้บริโภค

ธุรกิจขายตรง

อยากทำธุรกิจขายตรง ธุรกิจเครือข่าย สไตล์การทำแบบไม่ต้องทำ??

อยากทำธุรกิจขายตรง ธุรกิจเครือข่าย  สไตล์การทำแบบไม่ต้องทำ??
นั่นคือให้ระบบทำงานแทนเรา จะดีกว่าไหมถ้าระบบสามารถให้ข้อมูลรายละเอียดธุรกิจ ทั้งข้อมูลบริษัท สินค้า และแผนการตลาด ให้กับผู้มุ่งหวังแทนตัวเราเอง รวมทั้งระบบยังสามารถแนะนำวิธีการเริ่มต้นทำธุรกิจและคอยให้คำแนะนำต่างๆ เรียกว่าเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวเลยก็ว่าได้
หากคุณอยากทำธุรกิจขายตรงด้วย วิธีการที่ดีกว่า! ฉลาดกว่า! ได้ผลรวดเร็วกว่า! และเป็นการทำงานผ่านอินเตอร์เน็ตจริงๆ ติดต่อหาเรา ที่นี่เรามีคำตอบ!
 

ไอเดียเด็ดที่ผมแนะนำก็คือ ธุรกิจเครือข่าย = Google + MLM + Adsense

หากคุณพยายามหาธุรกิจเครือข่ายทำอยู่ล่ะก็ ...ห้ามพลาดวิธีนี้เด็ดขาด!! "ยิงปืนนัดเดียวได้นกหลายตัว" ถ้าคิดจะทำทั้งที ทำ 1 อย่างแต่สามารถใช้ประโยชน์ได้พร้อมกันหลายอย่างจะดีกว่าไหม? ขั้นแรกคือ ทำเว็บแนะนำธุรกิจขึ้นมา 1 เว็บ บนเว็บเราก็เสนอทางเลือกเอาไว้หลากหลายตัวเลือก จากนั้นก็ทำให้เว็บไซต์นี้ติดอันดับใน Google ...หลังจากเว็บติดอันดับใน Google แล้ว ในหนึ่งวันจะมีผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์มากมาย รับประกัน!! ลูกค้าเพียบ!! คุณจะว่าอย่างไรถ้าทั้งหมดนี้เราได้เตรียมเอาไว้แล้ว!! คุณสามารถนำไปใช้ให้เกิดผลได้ในทันที!!
สมาชิกได้รับเว็บไซต์ธุรกิจขายตรง
ทีมงานช่วยปรับปรุงเว็บเพื่อ
ใช้เว็บสมาชิกเดิมสนับสนุนช่วย
สมาชิกได้รับเว็บไซต์ธุรกิจขายตรง
พร้อมใช้งานคนละเว็บ
ทีมงานช่วยปรับปรุงเว็บเพื่อ
ติดอันดับต้นๆ ใน
Google
ใช้เว็บสมาชิกเดิมสนับสนุนช่วย
ขยับอันดับเว็บธุรกิจขายตรงที่มาใหม่
     
      ผม ว่าในตอนนี้คุณคงอยากรู้รายละเอียดเพิ่มเติมแล้วใช่ไหมครับว่า รูปแบบธุรกิจเครือข่ายที่ผมแนะนำนั้น ในแต่ละขั้นตอนมีวิธีการทำงานอย่างไรบ้าง ถ้าพร้อมแล้ว ก็ขอให้อ่านหัวข้อถัดไปได้เลยครับ...
รูปแบบธุรกิจเครือข่ายของเราเป็นอย่างไร?
ถ้าสมัครธุรกิจเครือข่ายจะได้รับอะไรบ้าง?
ถาม-ตอบ
ทดลองระบบธุรกิจขายตรงฟรี!! 15 วัน

ธุรกิจร้านเบเกอรี่

พื้นฐานทั่วไปของการทำธุรกิจอะไรก็ตามต้องคำนึงถึง ฐานะทางเศรษฐกิจและความ นิยมของผู้บริโภคในทำเลนั้น ๆ ซึ่งถือเป็น เข็มทิศชี้บอกว่า ธุรกิจของคุณจะดำเนินไปในทิศทางใด จะมีผลกำไรมากน้อยแค่ไหน ดังนั้นจึงควรทำความเข้าใจในเรื่องต่อไปนี้


การลงทุนเปิดร้านเบเกอรี่

ต้นทุน
หมายถึงค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เพื่อให้ได้สินค้ามา สำหรับกิจการที่ผลิตสินค้าเองนั้น ต้นทุนจะประกอบด้วย ค่าวัตถุดิบ ค่าแรงงาน และค่าโสหุ้ยการผลิต ส่วนกิจการที่ซื้อมาเพื่อขาย ต้นทุนของสินค้าได้แก่ ค่าสินค้าตามใบเสร็จและค่าขนส่ง


วัตถุดิบ
เป็นค่าใช้จ่ายหลักของสินค้า ซึ่งในกิจการเบเกอรี่นั้น ค่าวัตถุดิบของขนมปัง เช่น แป้ง เนย ไข่ นม น้ำตาล และอื่น ๆ ตามสูตร


ค่าแรง

หมายถึง เงินเดือน หรือค่าแรงที่จ่ายให้กับ ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการผลิตขนมโดยตรง


โสหุ้ยการผลิต
คือค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในกระบวนการผลิต นอกเหนือจากค่าวัตถุดิบและค่าแรง ซึ่งช่วยให้กระบวนการผลิตเสร็จสิ้นลง เช่น ค่าเสื่อมราคา ของเครื่องมือเครื่องใช้ ค่าเช่าอาคาร ค่าน้ำ ค่าไฟ เป็นต้น
สำหรับการกำหนดราคาขายนั้น ต้องคำนึงถึง กำไรที่ต้องการ และภาษีที่ต้องเสียรวมเข้าไปด้วย


กลยุทธ์การบริหารในธุรกิจร้านเบเกอรี่
แนวทางการจัดจำหน่ายสินค้า ถือเป็นเรื่องของศิลปะที่ละเอียดอ่อน หลักการที่สำคัญคือ อย่างแรกต้องศึกษาพฤติกรรมของผู้บริโภค และศึกษา ลักษณะการเดินซื้อสินค้าของลูกค้า ทั้งยังต้องพิจารณาชนิดของสินค้า แล้วจึงค่อยเริ่มวางแผนงานเป็นขั้นเป็นตอน แยกแยะ และจัดประเภทสินค้า หรือเบเกอรี่ของ คุณ ให้เป็นหมวดหมู่และตกแต่งโดยมีลูกเล่นในการใช้สีสรร นอกจากนี้ยังต้อง บรรจุ สินค้าที่จะขายอย่างเหมาะสม พร้อมทั้งติดราคาให้ชัดเจน อาจประชาสัมพันธ์โดยใช้ป้ายบอก หรือมีสื่อโฆษณาอื่น ๆ และต้องไม่ลืม ตกแต่งร้านให้สะอาดและสวยงามอยู่เสมอ สำหรับในช่วงวันหยุดและเทศกาล เป็นโอกาสสำคัญที่เบเกอรี่ในร้านของคุณ จะเป็นที่ ปรารถนา ของลูกค้าเป็นอย่างยิ่ง
การลงทุนเปิดร้านเบเกอรี่

รูปแบบของการจัดโชว์สินค้า

มี 2 ประเภท คือ

1. กรณีที่ลูกค้าบริการตนเอง
ต้องศึกษาการเดินซื้อของลูกค้า วางเบเกอรี่ที่เก็บได้นานที่สุดไว้ทางเดิน เล่นสีให้สะดุดตา จัดสินค้าเป็นหมวดหมู่ โดยวางสินค้า ในแนวตั้งและแนวนอน สินค้าที่จำเป็นต้องใช้พื้นที่มาก ควรจัดวางไว้ชั้นล่าง หาบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสม ติดป้ายบอกราคา ทำประชาสัมพันธ์ จัดชั้นวางสินค้าใหม่ และต้องมีการหมุนเวียนผลิตภัณฑ์ในแต่ละช่วงเวลาทั้งเช้า กลางวัน เย็น เพื่อความไม่ซ้ำซากจำเจ

2. กรณีที่เราบริการลูกค้า ติดราคาสินค้า เลือกสีที่สดใน จัดให้เป็นหมวดหมู่อย่างสะอาดและมีระเบียบ วางสินค้าที่จูงใจไว้ชั้นบน และต้องวาง ให้เต็มชั้นอยู่เสมอ ควรวางสินค้าที่เก็บไว้ได้นานไว้ชั้นล่าง ใช้ภาชนะบรรจุที่เหมาะสม หากระดาษรอง หรือลูกไม้ มาตกแต่งสินค้า คอยให้คำแนะนำที่ถูกต้อง โดยคำนึงถึง ความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก
การลงทุนเปิดร้านเบเกอรี่

ภาพพจน์ที่พรั่งพร้อม
การสร้างภาพลักษณ์ที่สวยหรูให้กับร้าน เบเกอรี่ ของคุณนั้นสามารถทำได้ไม่ยากเลย พึงระลึกอยู่เสมอว่าหัวใจสำคัญ ของการ ให้บริการ คือ ความพึงพอใจและความประทับใจของลูกค้า นอกเหนือจากทำเลที่ตั้งของร้าน คุณภาพของเบเกอรี่ที่ได้มาตรฐาน ภาชนะบรรจุ ความสดใหม่ สะอาด การตั้งราคาและป้ายแสดงราคาสินค้าแล้ว คุณยังจะต้องวางตัวเป็นกันเองอย่างเหมาะสม มีมิตรไมตรีจิตที่ดี สื่อให้ลูกค้าเห็นว่าเราจริงใจในการ ให้บริการ

รู้ซึ้งและเข้าใจในนานาเบเกอรี่
การทำเบเกอรี่ให้ออกมาได้คุณภาพดีดังใจปรารถนา ทั้งในเรื่องของรูปลักษณ์ความสวยงามน่ารับประทาน และรสชาติที่ อร่อยถูกปากเป็น สิ่งที่ละเอียดอ่อน ต้องอาศัยทั้งประสบการณ์ ความชำนาญ เทคนิคพิเศษ ในการทำ รวมถึงสูตร และ ส่วนผสม ที่สมดุล แต่เท่านี้ยังไม่พอ ไอเดียที่แปลกแหวกแนวก็สำคัญมาก การคิดค้นสิ่งใหม่ ๆ ให้ถูกใจผู้บริโภคก็เป็น อีกสิ่งหนึ่งที่จะทำให้ ธุรกิจเบเกอรี่ ก้าวล้ำนำหน้าผู้อื่น ทั้งเติบโตได้อย่างรวดเร็ว และมั่นคง ซึ่งผู้ที่เพิ่งจะเริ่มต้น หยิบจับงานเบเกอรี่ ก็อย่างเพิ่งหวาดหวั่น กังวล เพียงคุณมีความมุ่งมั่นตั้งใจจริง ค่อย ๆ เรียนรู้และพัฒนาฝีมือไปเรื่อย ๆ เชื่อว่าคุณจะเป็นอีกคนหนึ่ง ที่ประสบ ความสำเร็จ ในธุรกิจเบเกอรี่ได้ไม่ยากเลย

เมื่อคุณเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้ว ก่อนที่จะลงมือปฏิบัติจริงก็ควรศึกษาเรื่องการชั่งตวง ให้ละเอียดถี่ถ้วนเสียก่อน เพราะการ ชั่งตวงที่ถูกต้องแน่นอน จะทำให้ได้ผลิตภัณฑ์เบเกอรี่ที่ คุณภาพเยี่ยม ตรงตามมาตรฐาน ซึ่งเครื่องมือเครื่องใช้ในการตวง ที่ควร จะทราบก็ได้แก่ ถ้วยตวงของแห้งมาตรฐาน ถ้วยตวงของเหลวมาตรฐาน ช้อนตวงมาตรฐาน และเครื่องชั่ง

การลงทุนเปิดร้านเบเกอรี่


คุกกี้
คุกกี้ที่เรารับประทานกันอยู่ทุกวันนี้ สามารถแบ่งเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ แบ่งตามวัตถุดิบที่ใช้ มี 2 ชนิดคือ คุกกี้ที่มีไขมันเป็น ส่วนผสมหลัก และคุกกี้ที่มีไข่เป็นส่วนผสมหลัก ส่วนอีกประเภทก็ แบ่งตามวิธีการทำรูปร่าง ซึ่งมี 6 ชนิด ได้แก่ คุกกี้หยอด คุกกี้กด คุกกี้ปั้น คุกกี้คลึง คุกกี้แท่ง หรือคุกกี้บาร์ และคุกกี้แช่แข็ง
สำหรับส่วนผสมที่ใช้ในการทำคุกกี้นั้น แบ่งเป็น 2 จำพวก คือ
1. ส่วนผสมที่ทำให้คุกกี้นิ่มหรือแข็ง ได้แก่ แป้ง น้ำ ไข่ทั้งฟอง ไข่ขาว และนมผง
2. ส่วนผสมที่ทำให้คุกกี้นิ่ม ได้แก่ น้ำตาล ไข่แดง ไขมัน ผงฟู โซดา และแอมโมเนีย

กว่าจะมาเป็น...คุกกี้
ในขั้นตอนของวิธีการผสม คุกกี้ที่มีไขมันเป็นส่วนผสมหลัก ก่อนอื่นก็ต้องร่อนแป้งและผงฟูเข้าด้วยกัน จากนั้นตีเนยกับน้ำตาล โดยใช้ความเร็ว ปานกลาง จนกระทั่งส่วนผสมฟูเบา ค่อย ๆ ตีไข่ไก่ลงไปทีละฟอง ความเร็วปานกลางเท่าเดิมจนเข้ากันดี เติมส่วนผสม ของแป้งที่ร่อนกับผงฟู ตีด้วยความเร็วต่ำ หรือใช้พายยางคนให้เข้ากัน เสร็จแล้วก็ทำรูปร่าง ใส่พิมพ์ และนำเข้าอบ

ส่วนคุกกี้ที่มีไข่เป็นส่วนผสมหลัก ก็มีวิธีการใกล้เคียงกัน โดยร่อนแป้งกับผงฟูเข้าด้วยกัน ตีไข่ไก่จนเป็นฟองหยาบ ๆ โดยใช้ความเร็วสูงสุด จึงค่อยเทน้ำตาลลงไป และตีต่อจนกระทั่งส่วนผสมฟูและข้นขาว เติมแป้งที่ร่อนผสมให้เข้ากัน จากนั้นก็ทำรูปร่าง ใส่พิมพ์ และนำเข้าอบโดยใช้ อุณหภูมิประมาณ 350-400 องศาฟาเรนไฮต์ หรือ 175-200 องศาเซลเซียส ขึ้นอยู่กับลักษณะของคุกกี้

การลงทุนเปิดร้านเบเกอรี่

อบอย่างไรให้อร่อย
คุกกี้แต่ละประเภทนั้นใช้อุณหภูมิในการอบแตกต่างกันไป ซึ่งล้วนแล้วแต่มีผลต่อคุณภาพของคุกกี้ คือถ้าใช้ความร้อนสูงจนเกินไป เนื้อคุกกี้จะอัดแน่น ไม่แผ่ตัวและเสียรูปร่าง แต่ถ้าใช้ความร้อนต่ำเกินไป เนื้อคุกกี้จะแผ่ตัวแบนราบ

นอกจากนี้ควรจะแซะคุกกี้ ออกจากถาดในขณะที่ยังอุ่นอยู่ เพราะเนื้อจะไม่ติดถาด และควรพักไว้ที่อุณหภูมิต้องระวัง อย่าให้คุกกี้เย็นตัว เร็วจนเกินไป อาจทำให้เปราะ หรือแตกง่าย

หลังจากอบแล้ว ควรเก็บคุกกี้ไว้ในภาชนะที่ปิดสนิท หรือพลาสติกกันความชื้น เพื่อคงความกรอบ และให้เก็บได้นาน หากคุกกี้นิ่ม เหนียวเนื่องจากดูดความชื้นเข้าไป อาจนำไปอบอีกครั้งหนึ่งเพื่อให้กรอบอร่อย และคุกกี้ที่ บรรจุหีบห่อเรียบร้อยแล้ว ถ้าเก็บไว้ในอุณหภูมิห้องที่เย็น โดยไม่โดนแดดหรือความร้อนจะเก็บไว้ได้เป็นอาทิตย์ แต่หากแช่แข็งจะเก็บไว้ได้นาน 6 - 12 เดือน

ขนมปัง
ขนมปังที่มีหลากหลายทั้งรูปร่าง และรสชาติ สามารถแยกย่อยออกตามปริมาณน้ำตาล และไขมัน ที่เป็นส่วนผสมได้ 4 ประเภท คือ ขนมปังผิวแข็ง ขนมปังจืด ขนมปังกึ่งหวาน ขนมปังหวาน ซึ่งองค์ประกอบสำคัญของขนมปัง ก็ได้แก่ แป้งสาลี ยีสต์ น้ำ และเกลือ

การหมักแป้ง ควรใช้อุณหภูมิประมาณ 75-85 ฟาเรนไฮต์ ระยะเวลาในการหมักก็ขึ้นอยู่กับวิธีการผสม หลังจากหมักได้ที่ก็นำไป รีดซึ่งโดย ผ่านเครื่องรีด เพื่อให้ก้อนแป้งเนียน และได้ขนมปังเนื้อละเอียด เมื่อปั้นแป้งเป็นก้อนกลมแล้วก็พักไว้ 10 นาที ก่อนที่จะนำไปม้วนทำรูปร่าง ควรวางขนมไว้ในที่มีอุณหภูมิและความชื้นพอเหมาะ รอให้แป้งขึ้น เป็นสองเท่าแล้วจึงนำเข้าอบ โดยปกติจะอยู่ที่อุณหภูมิประมาณ 380-425 ฟาเรนไฮต์ ขนมปังที่อบสุกแล้ว ควรวางทิ้งไว้ให้เย็นบนตะแกรง เพื่อไม่ให้เกิดความ ชื้นด้านล่าง เพราะจะทำให้เสียเร็ว ในส่วนของการบรรจุ หีบห่อนั้น นิยมใช้พลาสติกใส เพื่อยืดอายุการเก็บและป้องกันการสูญเสีย ความชื้นได้

เค้ก
เค้กแบ่งตามส่วนผสมหลักที่ใช้จะมี 2 ชนิด คือ เค้กที่มีไขมันเป็นส่วนผสมหลัก และเค้กที่มีไข่เป็นส่วนผสมหลัก เค้กที่มีไขมัน เป็นส่วนผสมหลัก นั้นมีวิธีการผสมอยู่ด้วยกัน 4 วิธี ดังนี้


  • การตีเนยกับน้ำตาล ต้องเริ่มด้วยการตีเนยกับน้ำตาลก่อน ซึ่งขั้นตอนนี้สำคัญมาก หากตีเนยฟูได้ที่ เนื้อเค้กจะนุ่มกำลังดี จากนั้นก็ ค่อย ๆ เติมไข่ไก่ลงไป ทีละน้อย จนกระทั่งสุดท้ายจะเติมแป้งสลับกับของเหลว ผสมพอให้เข้ากันด้วยความเร็วต่ำสุดของเครื่อง
  • การตีเนยกับแป้ง
    วิธีนี้เหมาะกับเค้กที่มีปริมาณน้อย และมีส่วนผสมของน้ำตาลและ ในปริมาณที่มากกว่าแป้ง ซึ่งวิธีการทำ ก็โดยการผสม แป้งกับไขมันให้เข้ากัน และเติมส่วนผสมของแป้งอื่น ๆ ลงไป เติมไข่และของเหลวเพียง 1 ใน 4 แล้วจึงเติมส่วนผสมที่เหลือลงไป รอจนส่วนผสมเนียนเป็นเนื้อเดียวกัน
  • การผสมแบบขั้นตอนเดียว
    วิธีนี้ใช้กับแป้งเค้กสำเร็จรูป หรือสูตรที่มีการเติมอิมัลติไฟเออร์เข้าไป เนื่องจากเป็นการผสมส่วนผสม ทั้งหมดเข้าด้วยกัน
  • การผสมน้ำตาลกับน้ำ
    โดยการใช้เครื่องจนน้ำตาลละลาย จึงค่อยเติมแป้ง นมผง เกลือ ผงฟู เนย ซึ่งเป็นส่วนผสมที่เป็นของแห้งทั้งหมดลงไป ค่อยตีจนขึ้นฟู แล้วจึงเติมไข่ลงไป
เค้กที่มีไข่เป็นส่วนผสมหลัก ซึ่งมีอยู่ด้วยกัน 3 ชนิด
  • แองเจิ้ลฟู้ด มีวิธีการทำโดยนำไข่ขาวมาตีกับน้ำตาล จนไข่ขาว ตั้งยอดแข็ง จึงเป็นเค้กที่ขึ้นฟู ด้วยไข่ขาว หากเติมครีม ออฟ ทาร์ทาร์ ด้วยจะได้เนื้อเค้กที่ ขาวละเอียด หลังจากนั้นจึง เติมน้ำตาล และเทใส่พิมพ์
  • สปันจ์เค้ก ใช้ไข่ทั้งฟอง หรืออาจใช้เฉพาะไข่แดงก็ได้ วิธีการทำคือ ตีไข่กับน้ำตาลจน ข้นขาว และเนื้อเนียนละเอียด จากนั้นเติมส่วนผสมของแป้งคนให้เข้ากัน แล้วจึงเติมของเหลว
  • ชิฟฟ่อนเค้ก แยกไข่แดงกับไข่ขาวก่อน แล้วผสมไข่แดงกับแป้ง ผงฟู น้ำตาล เกลือ น้ำมันพืช และของเหลว คนจนกระทั่ง เป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นจึงกลับมาที่ไข่ขาวที่แยกไว้ ให้ตีไข่ขาว ครีมออฟทาร์ทาร์ กับน้ำตาล จนเป็นฟอง ตั้งยอดแข็ง แล้วจึง ผสมส่วน ผสม ที่ได้ในตอนแรกลงไป คนจนเข้ากันดี
ที่มา ThaiFranchiseCenter.com

อ้างอิง http://brightlives.th.88db.com/business/Franchise/franchisee_011.htm


ธุรกิจร้านจัดดอกไม้

ธุรกิจ ร้านดอกไม้ จัดดอกไม้ ส่งดอกไม้

ร้านดอกไม้

ธุรกิจ ร้านดอกไม้ จัดดอกไม้ ส่งดอกไม้

มีคนเคยอ้างว่า เปิดร้านดอกไม้ สร้างเงินล้าน รวยได้ทุกเทศกาล จริงหรือไม่นั่นลองมาดูกันนะครับ

รายละเอียด

ผู้ประกอบธุรกิจขายดอกไม้จำนวนไม่น้อย ต่างประสบปัญหาเรื่องการบริหารปริมาณและระยะเวลาการเก็บรักษาดอกไม้ภายใน ร้าน ให้เพียงพอกับความต้องการของลูกค้า เนื่องจากเมืองไทยมีสภาพอากาศร้อน จึงส่งผลให้ดอกไม้มีอายุการเก็บรักษาที่สั้น เมื่อเป็นเช่นนี้ ผู้ประกอบการจึงไม่ควรสั่งซื้อดอกไม้มาไว้ในปริมาณมากเกินไป

โดยทั่วไป ลูกค้าส่วนใหญ่มักจะสั่งซื้อดอกไม้ล่วงหน้า แต่มีอยู่หลายรายที่เดินเข้าไปในร้าน แล้วสั่งซื้อดอกไม้เลย จุดนี้เป็นเป็นปัญหาใหญ่ในการบริหารสินค้า เพราะถ้าผู้ประกอบการสั่งซื้อดอกไม้ไว้มากจนเกินไป จะทำให้ดอกไม้ไม่สดและเน่าเสียได้ เป็นการเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายแก่ผู้ประกอบการ แต่ถ้าผู้ประกอบการสั่งซื้อดอกไม้ไว้ไม่เพียงพอกับความต้องการ ก็ทำให้เกิดปัญหาได้อีกเช่นกัน

เทคนิคการบริหารสินค้าในร้านดอกไม้

คุณอรพินธ์ เจริญรัฐ เจ้าของร้านดอกไม้พวงทอง กล่าวถึงเทคนิคการบริหารสต็อกของดอกไม้ นั่นคือ ควรสั่งซื้อดอกไม้จากตัวแทนขายหลายๆ คนให้มาส่งทุกสัปดาห์ เพราะผู้ประกอบการสามารถตรวจสอบว่า ดอกไม้ที่ต้องการใช้อย่างพอเหมาะมีปริมาณเท่าใด เพื่อป้องกันปัญหาดอกไม้เสียหายได้

ข้อคิดสำหรับผู้ประกอบธุรกิจร้านดอกไม้

คุณสมบัติของผู้ประกอบการร้านดอกไม้ คือจะต้องรู้จักพัฒนาตัวเอง พัฒนาความคิดตลอดเวลา โดยการศึกษาจากหนังสือ หรือไปดูงานตามสถานที่จัดนิทรรศการที่เกี่ยวข้อง รวมไปถึงหมั่นเข้าร้านดอกไม้ และสังเกตหาข้อมูลว่า ร้านดอกไม้อื่นทำกันอย่างไร ผู้ประกอบการพึงระลึกไว้เสมอว่า ผู้จัดดอกไม้ที่ดีควรใช้ประโยชน์จากวัตถุดิบทุกชิ้น ให้มีคุณค่าสูงสุด และไม่เหลือทิ้งโดยเปล่าประโยชน์

บทสรุปสำหรับผู้บริหาร ร้านดอกไม้

เนื่องจากลูกค้ามีโอกาสที่จะเลือกซื้อสินค้าหรือบริการได้จาก ร้านดอกไม้ หลายแห่ง ดังนั้นธุรกิจ ร้านดอกไม้ ต้องหันมาพัฒนาคุณภาพและรูปแบบของสินค้า และบริการของตนเองอยู่ตลอดเวลา ตามสภาพแวดล้อม และ พฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา จะดำรงอยู่ในธุรกิจ ร้านดอกไม้ นี้ได้ตลอดไป

อ้างอิง http://www.koratsale.com/201102162159/%E0%B8%98%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88-%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%89-%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%89-%E0%B8%AA%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%89.html

ธุรกิจร้านอาหาร

การจัดตั้งธุรกิจร้านอาหาร
        ธุรกิจร้านอาหารถือเป็นธุรกิจที่ใช้เวลาทำการประมาณ 10 - 15 ชั่วโมงต่อวัน ผู้ประกอบการจำต้องหมั่นพัฒนาและปรับปรุงสม่ำเสมอในด้านฝีมือการปรุงอาหาร การจัดเสนออาหาร การบริการ การจัดการต้นทุน การจัดเก็บวัตถุดิบ การถนอมอาหาร การจัดจ้างพนักงาน การตลาด และการประชาสัมพันธ์  อีกทั้งยังต้องคำนึงถึงกฏหมายต่างๆที่เกี่ยวข้อง เช่น ใบอนุญาตประกอบการ ใบอนุญาตการจัดซื้อ หรือเช่าซื้อสถานที่ประกอบการ
    ประเภทธุรกิจร้านอาหาร แบ่งออกเป็นประเภทต่างๆ
    1. ร้านอาหาร Traditional - มักจะเป็นอาหารหลากหลายประเภท กลุ่มลูกค้าหลากหลาย
    2. ร้านอาหาร Ethnic - จะเน้นอาหารประจำท้องถิ่น ประเทศต่างๆ
    3. ร้านอาหาร Specialty - จะเน้นอาหารที่มีการจัดเตรียมแตกต่างจากอาหรทั่วไป เช่น มังสวิรัต
    4. ร้านอาหาร Coffee Shop - จะเน้นอาหารว่าง และเครื่องดื่มเป็นหลัก
    5. ร้านอาหาร Fast Food - มักจะเป็นอาหารที่จัดเตรียมง่าย ใช้เวลาน้อย เมนูจำกัด นิยมจัดการในรูปแบบ Franchise
    6. ร้านอาหาร Cafeteria - มักจะเป็นอาหารที่จัดเตรียมมาแล้ว ผู้บริโภคมีจำนวนมาก
    7. ร้านอาหาร Self-Serve - มักจะเป็นธุรกิจขนาดเล็ก ไม่มีพนักงานเสริฟ ลูกค้ามักจะบริการตัวเอง

    สิ่งที่ควรคำนึงในการการจัดตั้งธุรกิจร้านอาหาร
    1. Licenses เช่น ใบประกอบการธุรกิจท้องถิ่น ใบประกอบการธุรกิจอาหาร ใบประกอบการดนตรี ใบประกอบการเครื่องดื่ม เป็นต้น
    2. Permits เช่น ใบอนุญาตค้าขาย ใบอนุญาตอาคารสถานที่
    3. Regulations เช่นกฏระเบียบเกี่ยวกับสุขอนามัย (Health Regulations) กฏระเบียบเกี่ยวกับความปลอดภัย กฏระเบียบเกี่ยวกับภาษี  การจัดแบ่งพื้นที่ทำการ (Zoning by-laws)  กฏหมายว่าด้วยอาหารและยา  กฏระเบียบการควบคุมการสูบบุหรี่ เป็นต้น
      การขอใบอนุญาตประกอบการธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม
            (Food-Primary Licence Restaurants)
* การขอใบอนุญาตดังกล่าวนี้จะเน้นสำหรับจังหวัด British Columbia เป็นหลัก
       ใบ อนุญาตประเภทนี้เหมาะสำหรับร้านอาหารที่เน้นขายอาหารเป็นหลัก และอนุญาตให้ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นรายได้เสริม  โดยร้านอาหารจะขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ทุกประเภทให้ลูกค้าแต่จะต้องขาย พร้อมกันกับอาหาร 
สำหรับร้านอาหารที่มีขนาด 50 ที่นั่งหรือมากกว่าสามารถจัดแบ่งบริเวณแยกต่างหาก (Lounge) และขอใบอนุญาตขายแต่เฉพาะเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้
ร้านอาหารอาจจะเปิด บริการได้ตลอด 24 ชั่วโมง แต่เครื่องดื่มแอลกอฮอล์สามารถขายได้ในช่วง 9:00 - 4:00 นาฬิกาเท่านั้น (การเปิดให้บริการในเวลากลางคืน หรือหลังเที่ยงคืน ผู้ประกอบการจะต้องขออนุญาตจากภาครัฐท้องถิ่นก่อน)  ร้านอาหารที่มี Food-Primary Licence นี้สามารถเปิดให้บริการกับเด็กๆได้

ธุรกิจร้านอาหารที่ไม่สามารถขอ Food-Primary Licence ได้มีดังต่อไปนี้
1. ร้านอาหารที่อยู่ในศูนย์อาหาร (Mall Food Fairs)
2. ร้านอาหารที่เน้นการขายโดยลูกค้าโทรมาสั่ง และนำกลับไปทานนอกร้าน
3. ร้านอาหารที่เน้นการรับจัดเลี้ยง โดยไม่มีห้องครัวประกอบอาหาร
4. ร้านอาหารเคลื่อนที่ หรือรถเข็น



ขั้นตอนในการขอใบอนุญาต Food-Primary Licence
มีดังต่อไปนี้
ขั้นตอนที่ 1 หลักเกณฑ์พิจารณาว่าผู้ประกอบการมีสิทธิ์ในการขอใบอนุญาตหรือไม่1. ผู้ประกอบการจะต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 19 ปี
2. ผู้ ประกอบการจะต้องพำนักอยู่ในท้องถิ่น (British Columbia) เป็นสัญชาติแคนาดา (Canadian) หรือเป็นผู้อยู่อาศัยถาวร (Permanent Resident) ในแคนาดา  หากเป็นธุรกิจประเภทนิติบุคคล และผู้ประกอบการไม่ได้อยู่ในท้องถิ่นนั้น  ผู้ประกอบการจะต้องแต่งตั้งผู้จัดการร้านขึ้น (Resident Manager)
ผู้ ประกอบการหรือผู้จัดการร้าน (Resident Manager) จะต้องยื่นใบประวัติอาชญากรรม (Criminal Record) หากผู้ประกอบการเคยมีใบอนุญาต Food-Primary Licence มาก่อน และมีประวัติบันทึกการบริหารงานที่ไม่ดี ก็อาจทำให้การอนุมัติครั้งใหม่นี้ยากขึ้น

ขั้นตอนที่ 2  เอกสารต่างๆที่ต้องเตรียม1. ใบสมัครขออนุญาต Food-Primary Licence
2. แบบวาดแผนผังร้านอาหาร*
3. ใบประวัติอาชญากรรม (Criminal Record)
4. ค่าธรรมเนียมโดยประมาณ CAD$ 475 (non refundable)
5. สำเนาใบขับขี่ หนังสือเดินทาง หรือบัตรประจำตัวอื่นๆ
6. สำเนาเมนูอาหาร
7. รายการเครื่องใช้ในครัวต่างๆที่ใช้งาน รวมถึงจาน ชาม ช้อน ส้อม มีด
8. ตัวอย่างรูปแบบป้ายร้านอาหาร
* แผนผังร้านอาหาร – จะต้องแสดงในอัตราส่วนย่อขนาดที่ถูกต้อง แสดงจำนวนผู้เข้าใช้บริการได้มากที่สุดกี่คน และได้รับการอนุมัติรับรองจากสถานีตำรวจดับเพลิงประจำท้องที่นั้น

หาก ผู้ประกอบการต้องการเปิดให้บริการหลังเที่ยงคืน หรือให้บริการความบันเทิงต่างๆ เช่น เต้นรำ หรือร้องเพลงคาราโอเกะ จะต้องได้รับอนุญาตจากภาครัฐส่วนท้องถิ่นด้วย

ใน British Columbia In ผู้ประกอบการร้านอาหาร หรือพนักงานอย่างน้อย 1 คนจะต้องมีใบประกาศนียบัตร FOODSAFE และ Serving It Right Certificate ด้วย

ขั้นตอนที่ 3  ค่าธรรมเนียมต่างๆ
นอก เหนือจากค่าธรรมเนียมโดยประมาณ CAD$ 475 (non refundable) แล้ว เมื่อได้รับการอนุมัติผู้ประกอบการจะต้องเสียค่าธรรมเนียมประจำปีสำหรับปี แรก CAD$ 475 ส่วนในปีต่อๆไปค่าธรรมเนียมจะแตกต่างขึ้นอยู่กับจำนวนแอลกอฮอล์ที่สั่งซื้อ ในปีนั้นๆ
จำนวนแอลกอฮอล์ที่สั่งซื้อต่อปี
ค่าธรรมเนียม
$12,500 หรือน้อยกว่า
$275
มากกว่า $12,500 แต่ไม่เกิน $20,000
$550
มากกว่า $20,000 แต่ไม่เกิน $45,000
$825
มากกว่า $45,000 แต่ไม่เกิน $100,000
$1100
มากกว่า $100,000 แต่ไม่เกิน $250,000
$1200
มากกว่า $250,000
$1400
รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับค่าธรรมเนียมสามารถค้นหาเพิ่มเติมได้ที่ www.hsd.gov.bc.ca/lclb/docs-forms/LCLB010.pdf หากผู้ประกอบการขอต่ออายุ Food-Primary Licence หลังจากที่หมดอายุแล้วแต่ไม่เกิน 30 วัน จะถูกปรับ $200 แต่หากเกิน 30 วันแล้วการขอต่ออายุ Food-Primary Licence อาจถูกปฏิเสธได้
ขั้นตอนที่ 4  ใบสมัครขออนุญาต Food-Primary Licenceแบบฟอร์มใบสมัครขออนุญาต Food-Primary Licence สามารถขอได้จาก Liquor Control and Licensing Branch Head Office หรือดาว์โหลดได้จาก www.hsd.gov.bc.ca/lclb/docs-forms/LCLB001B.pdf
แบบฟอร์มใบประวัติอาชญากรรม (Criminal Record) สามารถดาว์โหลดได้จาก www.hsd.gov.bc.ca/lclb/docs-forms/LCLB004.pdf และ www.hsd.gov.bc.ca/lclb/docs-forms/GR3584.pdf หากผู้ประกอบการพำนักอยู่นอกประเทศแคนาดาแต่เคยอยู่ในประเทศไม่เกิน 5 ปี หรือเคยมีประวัติอาชญากรรมมาก่อนจะต้องยื่นแบบฟอร์ม Statutory Declaration ซึ่งต้องได้รับการรับรองจากทนายความ Notary Public หรือ Commissioner for Taking Affidavitsโดยตัวอย่างสามารถดาว์ โหลดได้จาก www.hsd.gov.bc.ca/lclb/docs-forms/SampleStatutoryDec.rtf
ขั้นตอนที่ 5  ขั้นตอนการพิจารณาเมื่อผู้ประกอบการได้ยื่นใบขออนุญาตจดทะเบียน Food-Primary Licence แล้ว ขั้นตอนการพิจารณาแบ่งออกดั้งนี้
1. ทาง Liquor Control and Licensing Branch จะตรวจสอบเอกสารต่างๆว่าครบถ้วนหรือไม่  หากไม่ครบถ้วนเอกสารทุกอย่างจะถูกส่งกลับมาพร้อมจดหมายแจ้งว่าเอกสารชุดใด บ้างที่ผู้ประกอบการจะต้องส่งเพิ่มเติม
2. เมื่อเอกสารครบถ้วนแล้ว ทางเจ้าหน้าที่จะพิจารณาดูว่าผู้ประกอบการมีคุณสมบัติตรงตามที่กำหนดหรือไม่ หากคุณสมบัติตรงตามที่กำหนด ผู้ประกอบการจะได้รับจดหมายแจ้งให้ติดต่อ Local Liquor Inspector เพื่อทำการตรวจสอบสถานที่ประกอบการภายใน 30 วัน  Local Liquor Inspector จะตรวจดูชื่อร้าน และป้ายชื่อร้านให้ถูกต้องตามกำหนด
3. ผู้ประกอบการ หรือหนึ่งในผู้ถือหุ้น หรือผู้จัดการร้านจะต้องแสดงตัวขณะที่เจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบสถานที่ประกอบ การ  และจะต้องเตรียมแบบวาดแผนผังร้านอาหารขนาดใหญ่หนึ่งชุด ขนาดเล็กหนึ่งชุด (8.5” x 11”) และ สำเนา Serving It Right Certificate
4. ทาง Liquor Control and Licensing Branch จะประเมินผลจากตรวจสอบทุกอย่างรวมถึงเอกสารการจดทะเบียนผู้เสียภาษี และออกใบ Food-Primary Licence ในที่สุด



อ้างอิง http://www.thaicongenvancouver.org/cms/index.php?option=content&task=view&id=280

ธุรกิจสปา

แผนธุรกิจสปา

แผนธุรกิจสปาสภาพ ตลาดปัจจุบัน วิธีการดูแลสุขภาพและการผ่อนคลายความเครียด สภาพเศรษฐกิจสังคมและการแข่งขันเชิงธุรกิจในปัจจุบันก่อให้เกิดความเครียด และปัญหาด้านสุขภาพไม่ว่าจะอยู่ในสถานะภาพของเจ้าของกิจการหรือลูกจ้างเองก็ ตาม จึงเป็นเหตุผลให้ผู้บริโภคเริ่มสนใจและเอาใจใส่ดูแลและรักษาสุขภาพอย่างจริง จังเพิ่มขึ้น ผู้บริโภคเหล่านี้มีทางเลือกที่จะดูแลสุขภาพ และมีวิธีการผ่อนคลายได้หลายรูปแบบ เช่น การเข้าศูนย์กีฬา วิ่ง และเต้นแอโรบิคตามสวนสาธารณะ การฝึกโยคะ การไปดูหนังหรือเดินซื้อของตามห้างสรรพสินค้า แต่วิธีการผ่อนคลายที่กำลังมาแรงและเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายคือ การเข้ามาใช้บริการในสปา ซึ่งนอกจากจะทำให้ผู้บริโภคคลายความเครียดแล้ว การบริการบางประเภทในสปายังเป็นการเสริมสุขภาพให้แข็งแรงอีกด้วย


แต่เนื่องจาก 1 – 2 ปีที่ผ่านมา ธุรกิจสปาที่เปิดให้บริการส่วนใหญ่จะอยู่ในโรงแรมและรีสอร์ทตามสถานที่ท่อง เที่ยว ทำให้ผู้บริโภคบางส่วนไม่สะดวกที่จะไปใช้บริการ นอกจากนี้ อัตราค่าบริการของบรรดาธุรกิจสปาซึ่งตั้งอยู่ในโรงแรมและรีสอร์ทดังกล่าวก็ มีราคาที่สูงมาก ทำให้เป็นอุปสรรคของสถานบริการเหล่านี้ที่ต้องมุ่งการทำตลาดเป้าหมายของตนไป ที่ผู้บริโภคระดับสูงเท่านั้น ดังนั้นถ้ามีบริการสปาที่เปิดแบบสแตนอโลนเพิ่มมากขึ้นและมีอัตราค่าบริการ ปานกลาง ก็จะเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพและต้องการใช้บริการ


 

ลักษณะธุรกิจ
 

1. วิสัยทัศน์
นำเสนอสินค้าและบริการที่มีคุณภาพ โดยมุ่งเน้นการสร้างความพึงพอใจและเพิ่มคุณค่าให้กับลูกค้าทุกคนที่เข้ามาใช้บริการ


2. ภารกิจ
กำหนดภารกิจ ด้วยสินค้าและบริการหลักๆ ดังนี้
a164- บริการนวด
- แบบแผนไทย และแบบอะโรมาเธอราพี
- นวดหน้าและฝ่าเท้า
- นวดบำบัด
- บริการเสริมความงาม
- อบผิว
- ขัดผิว
- สิ่งอำนวยความสะดวกและผ่อนคลาย
- อ่างน้ำจากุซซี่ และอ่างน้ำเย็น
- ห้องอบซาวน่า และห้องอบไอน้ำ
- การให้คำแนะนำในการดูแลรักษาสุขภาพ
- ผลิตภัณฑ์ทางธรรมชาติ
- น้ำมันหอมกลิ่นต่างๆ
- สมุนไพรประคบ


3. เป้าหมายการดำเนินงาน
- สร้างยอดขายประมาณ 13 ล้านบาท ภายในปี 2547
- มีผลกำไรสุทธิประมาณร้อยละ 22 ในปี 2547

ปัจจัยสำคัญสู่ความสำเร็จ

ในสภาพตลาดที่มีการแข่งขันที่รุนแรง การดำเนินธุรกิจสปาเพื่อให้ประสบความสำเร็จได้ตามเป้าหมายนั้นต้องมีกลยุทธ์ ทางการตลาดที่ดีและอาศัยปัจจัยที่สำคัญคือ
1. มีทำเลที่ตั้งของสถานที่ที่เดินทางไปมาได้สะดวก และสามารถสังเกตเห็นได้ง่าย
2. มีสินค้าและบริการที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้ดี เช่น ให้บริการคำแนะนำดูแลสุขภาพที่ถูกต้องให้กับผู้มาใช้บริการ เพื่อสร้างความประทับใจและสร้างลูกค้าให้เกิดความจงรักภักดี
3. มีจุดเด่นที่เป็นข้อได้เปรียบในการแข่งขัน
4. มีความพร้อมด้านบุคลากร
5. กิจกรรมทางการตลาดที่ต้องตรงกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลัก
6. มีการปรับปรุงสถานที่หรือพัฒนาสินค้าและบริการให้ทันต่อพฤติกรรมของผู้บริโภคที่อาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา

กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย

เนื่องจากตลาดสปามีการแข่งขันสูง ดังนั้นการดำเนินธุรกิจจึงต้องมีการวางแผนและกำหนดกลยุทธ์ทางการตลาดอย่าง รอบคอบชัดเจน และมีประสิทธิภาพ ซึ่งหนึ่งในกระบวนการดังกล่าวคือ การกำหนดกลุ่มลูกค้าเป้าหมายให้ชัดเจน เพื่อที่จะสามารถวางแผนการตลาดต่างๆได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น กลยุทธ์ด้านราคาหรือสินค้าและบริการ และเนื่องจากตลาดสปาจัดว่าเป็นธุรกิจใหม่ซึ่งยังมีผู้บริโภคจำนวนมากที่ไม่ รู้จักว่าสปาคืออะไรและมีบริการอะไรบ้าง ดังนั้นด้วยเงินงบประมาณที่จำกัดจึงต้องมีการวางแผนการลงทุนให้มีประสิทธิผล สูงสุด นั้นก็คือต้องเน้นการลงทุนไปที่เฉพาะกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเท่านั้น มิฉะนั้นจะทำให้การลงทุนไม่ได้ผลตามที่ต้องการ เสียเวลาและเสียโอกาสในการทำตลาด

อ้างอิง http://www.spamassagethai.com/menuspa/43-bussiness-spa/215-spabusiness.html

ธุรกิจผลิดบัตรพลาสติก


          MASS CARD SET ชุดผลิตบัตรพลาสติก เริ่มต้นเพียง 9,900 บาท เท่านั้น สำหรับงาน ผลิตบัตรพลาสติก บัตรพีวีซี บัตรพนักงาน บัตรสโมสร บัตรสมาชิก บัตรเครดิต บัตรส่วนลด บัตรท่องเที่ยว ฯลฯ ต้นทุนเพียงไม่เกิน 10 บาท แต่ขายได้ถึง 50-60 บาท กำไร กว่า 700% และสามารถกำหนดราคาขายได้เองตามความเหมาะสมของชิ้นงานและสถานที่ กันน้ำ กันรอยขีดข่วน 100% พิมพ์ 2 ด้านหน้า-หลัง เงางาม สามารถผลิตเป็นบัตรธรรมดา บััตรเงิน บัตรทอง บัตรวีไอพีได้ และ สามารถ พิมพ์อักษรนูนได้(บัตรเครดิต) เคลือบอักษร เงิน ทอง สีรุ้งได้ ใส่บาร์โค้ด ใส่แถบแม่เหล็กได้ (บัตรแพลตตินั่ม) (ออฟชั่นเสริม)
        ธุรกิจบัตรพลาสติกของแมส ครอบคลุมทั้ง 2 ระบบการผลิตแนวใหม่ โดยลูกค้าสามารถเลือกที่จะลงทุนในระบบใดก็ได้ ซึ่งทั้ง 2 ระบบ คือ ระบบเคลือบความร้อน และระบบอบด้วยความร้อน มีคุณสมบัติและกรรมวิธีการผลิตที่แตกต่างกัน แต่คุณภาพที่ออกมาไม่ต่างกันเท่าไหร่ แต่คงไว้ซึ่งความง่ายในการผลิตและความสวยงามของบัตรเมื่อผลิตเสร็จแล้ว
        บัตรของแมส คุณภาพสูง นำเข้าจากไต้หวัน โรงงานที่ได้รับมาตรฐาน ISO9001 บัตรจึงสวยงามคงทน ทำงานง่าย ที่สำคัญไม่มัว ของแท้100% ซึ่งแมสนำเข้าบัตรชนิดนี้มาตั้งแต่เริ่มธุรกิจ (ประมาณ 3 ปีมาแล้ว) จึงได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าตลอดมา
ตัวอย่างบัตรชนิดต่างๆ

อ้างอิง http://www.massbuss.com/pro-card.htm